LETS 3.0: Thought Experiment?
- Sathit Jittanupat
- 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 3 นาที

LETS (Local Exchange Trading System) หรือ ระบบการแลกเปลี่ยนในท้องถิ่น เป็นระบบเศรษฐกิจทางเลือก แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการในชุมชนท้องถิ่น โดยไม่ต้องใช้เงินสดปกติ แต่ใช้ “หน่วยแลกเปลี่ยนภายใน” หรือ “คะแนน” ที่ตกลงกันเองในชุมชน สมาชิกสามารถซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างกันโดยใช้หน่วยนี้
สมมติว่าในชุมชนหนึ่งมีสมาชิก 3 คน
คุณ A ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ ซ่อมเครื่องให้คุณ B ได้ 50 หน่วย (บัญชีคุณ A: +50)
คุณ B ได้รับบริการ หักไป 50 หน่วย (บัญชีคุณ B: -50)
คุณ B ทำขนมขายให้คุณ C ได้ 30 หน่วย (บัญชีคุณ B: -20)
คุณ C มาตัดผมให้คุณ A ได้ 20 หน่วย ชดเชยการที่คุณ A ให้บริการไป
ระบบนี้ต้องอาศัยความไว้วางใจในชุมชน การจัดการที่ดี และสมาชิกที่มีความรับผิดชอบ นอกจากนี้ยังไม่สามารถใช้แลกเปลี่ยนกับคนนอกระบบได้
LETS ในหลายประเทศถูกมองว่าเป็น “ระบบแลกเปลี่ยน” (Barter System) มากกว่าการสร้างเงินตรา
แต่มีประเด็นทางกฎหมายที่ต้องระวัง หลายประเทศถือเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี เช่น อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา
หากมีขนาดใหญ่มูลค่าที่แลกเปลี่ยนหมุนเวียนในระบบสูง อาจถูกเพ่งเล็งว่าเข้าข่ายการสร้างเงินตราแข่งกับรัฐ และถูกเพ่งเล็งว่าเอื้อต่อการฟอกเงิน และใช้เพื่อปกปิดรายได้แท้จริงเพื่อขอรับสิทธิสวัสดิการจากรัฐ
ระบบที่มีแนวคิดคล้าย LETS
Chiemgauer (เยอรมนี)
ระบบเงินท้องถิ่นที่มี Demurrage (เงินที่ค่อยๆ เสื่อมค่า) เงินมีอายุใช้งาน หรือค่าเสื่อมค่าเวลา ทุกๆ 3 เดือนต้องติดแสตมป์ มูลค่า 2% ของเงิน ถ้าไม่ติดแสตมป์ เงินใช้ไม่ได้
WIR Bank (สวิตเซอร์แลนด์)
เป็น “เครดิตแลกเปลี่ยน” ระหว่างธุรกิจ (B2B) ไม่ใช่ LETS แบบชุมชนเล็ก แต่เป็นระบบขนาดใหญ่ มีธนาคารจริงรองรับ
Fureai Kippu — Time Banking สำหรับผู้สูงอายุ (ญี่ปุ่น)
คนหนุ่มสาวช่วยดูแลผู้สูงอายุ ได้ “เครดิตเวลา” เก็บไว้ใช้เองตอนแก่ หรือโอนให้พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด
Sardex (อิตาลี — เกาะซาร์ดิเนีย)
Mutual Credit สำหรับธุรกิจ ใช้แอพมือถือและบัตร จับคู่ธุรกิจ (Matchmaking) และมีกลไก “ให้กู้” สำหรับธุรกิจที่ต้องการลงทุน
Cyclos — แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์สำหรับสร้างระบบเงินตราชุมชน รองรับ LETS, Time Banking, Mutual Credit
Community Forge Platform
มี “คะแนนสองชนิด” Trading Credits สำหรับซื้อขายปกติ, Community Points ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมชุมชน ต้องใช้ทั้งสองอย่างประกอบกันในการทำธุรกรรมบางอย่าง กระตุ้นให้มีส่วนร่วมในชุมชน
Barcelona’s REC (Real Economy Currency)
พลเมืองได้รับ REC ฟรีทุกเดือน REC หมดอายุใน 6 เดือน เชื่อมโยงกับโครงการ UBI (Universal Basic Income) ใช้ผ่านแอปมือถือสแกน QR Code
e-Money ในญี่ปุน (Musubi)
คะแนน 3 ประเภท ได้จากการทำกิจกรรมชุมชน หมดอายุเร็ว (3–6 เดือน), ได้จากการทำงาน หมดอายุช้า (1–2 ปี) และคะแนนที่แปลงมาจากเงินสด ไม่หมดอายุ
ECO Currency (ออสเตรเลีย)
รวมกับ Carbon Credits ได้คะแนนจากการทำกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปั่นจักรยาน รีไซเคิล ลดขยะ
Trueque (LETS แบบอาร์เจนตินา)
กรณีศึกษาใช้ระบบแลกเปลี่ยนท้องถิ่นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
1995: เริ่มต้นเล็กๆ
2001: วิกฤตเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจล่มสลาย สกุลเงินหลัก Peso พัง ธนาคารปิดตัว คนถอนเงินไม่ได้ (“Corralito”) อัตราว่างงานสูงถึง 25% อัตราความยากจนเพิ่มขึ้น 50%+
2002: จุดสูงสุด
มีผู้ใช้ในระบบ 6–7 ล้านคน (จาก 40 ล้านคน = 15–17%!) มีตลาดนัดที่รับ Trueque 5,000+ สามารถกู้ยืมใช้ “Creditos” (เครดิต) แลกเปลี่ยน
2003–2004: จุดจบ
ปัญหาออกเงินปลอม (counterfeit Creditos) ควบคุมไม่ได้ เกิดเงินเฟ้อภายในระบบ จนความไว้วางใจพัง พอดีเศรษฐกิจฟื้น Peso กลับมาใช้ได้ คนจึงกลับไปใช้เงินปกติ
วงจรอุบาทว์ของ LETS
Phase 1: เริ่มต้นเล็กๆ (สำเร็จ)
ใช้ “คะแนน” ไม่ใช่เงิน → ปลอดภัยจากกฎหมาย
ชุมชนเล็ก 50–200 คน → รัฐไม่สนใจ
อุดมการณ์เข้มแข็ง → สมาชิกตั้งใจ
ไม่มีใครรู้จัก → ไม่มีปัญหา
Phase 2: เติบโตปานกลาง (เริ่มมีปัญหา)
สมาชิก 500–2,000 คน
มูลค่าหมุนเวียน 5–20 ล้านบาท/ปี
เริ่มมีร้านค้ารับชำระ
สื่อเริ่มสนใจ
กรมสรรพากรเริ่มตั้งคำถาม
Phase 3: เติบโตมาก (วิกฤต!)
สมาชิก 10,000+ คน
มูลค่าหมุนเวียน 100+ ล้านบาท/ปี
เริ่มแข่งขันกับธนาคาร
ธนาคารกลางเข้มงวด
ถูกจับตาเรื่องภาษี
กฎหมายป้องกันการฟอกเงิน
ถูกปิดตัว หรือต้องกลายเป็น “ธนาคาร” (ต้นทุนสูง)
“ไม่ใช่เงิน vs ทำหน้าที่เป็นเงิน”
LETS อ้างว่า “นี่ไม่ใช่เงิน แค่คะแนนแลกเปลี่ยน” แต่ในความเป็นจริง
ใช้ซื้อสินค้า/บริการ (Function of Money)
เป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of Account)
เก็บมูลค่าได้ (Store of Value)
เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange)
รูปแบบที่น่าสนใจสำหรับเมืองไทย
B2B ในนิคมอุตสาหกรรม
SME ในนิคมแลกเปลี่ยนกัน มีหอการค้าหรือสมาคมรองรับ
ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนเมือง
เลียนแบบ Fureai Kippu เชื่อมกับ อสม. หรือเทศบาล
มหาวิทยาลัย
นิสิตแลกเปลี่ยนบริการกัน กลุ่มปิด มีความไว้วางใจ
LETS 2.0
LETS ดั้งเดิมไม่มี Core Value ระยะยาว
ขัดแย้งพื้นฐาน (Success Paradox) เกิดวงจรอุบาทว์ เมื่อโตแล้วจะพังหรือปัญหากฎหมาย จึงแข่งกับระบบหลักไม่ได้ แต่ถ้าเล็กก็ไม่มี Economies of Scale
LETS ควรเป็น “Sandbox” สำหรับไอเดีย
ทดลองในชุมชนเล็ก เพื่อเรียนรู้บทเรียน ไม่พยายามแข่งกับระบบหลัก
อนาคตอยู่ที่ “ผสานระบบ”
รัฐ + เอกชน + ชุมชน ร่วมมือ ใช้เทคโนโลยีที่มี ทำให้ถูกกฎหมาย มีโครงสร้างรองรับและเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงินชาติ
LETS 3.0
“ชุมชน” ในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่ “ชุมชน” ในศตวรรษที่ 20 อีกต่อไป
ชุมชน = คนที่มีความสนใจ/อัตลักษณ์เหมือนกัน (ไม่สำคัญว่าอยู่ที่ไหน) รู้จักกันเพราะความสนใจเดียวกัน ติดต่อแบบออนไลน์ ไม่มีพรมแดน (ทั่วโลก)
Wikipedia — “ชุมชนแห่งความรู้”
GitHub / Open Source — “ชุมชนแห่งโค้ด”
Stack Overflow — “ชุมชนแห่งคำตอบ”
Reddit Karma — “สกุลเงินแห่งความนิยม”
เกมออนไลน์
เป็น “LETS Laboratory” ที่สมบูรณ์แบบ
มี “สกุลเงิน” ภายใน (Gold, Coins, Gems)
มีการแลกเปลี่ยนจริง (Trade, Auction House)
มี Reputation System (Level, Rating, Guild)
มี Identity หลากหลาย (Avatar, Character, Guild)
ชุมชนใหญ่ (ล้านคน) แต่ทำงานได้
ไม่มีปัญหากฎหมาย (ในเกม)
ฟีเจอร์สำคัญที่ต่างจากเดิม
Cross-Community Portability
คะแนนสามารถใช้ข้ามชุมชนได้โดยมีระบบ DID (Digital ID)
Multi-Modal Identity
คนคนหนึ่งมีหลายอัตลักษณ์ดิจิทัล แยก Context (งานกับเรื่องส่วนตัว)
AI-Powered Matching & Pricing
ใช้ AI วิเคราะห์ อุปสงค์ อุปทาน (มีคนขอบริการ/มีคนให้บริการกี่คน), เวลา (Weekend/Weekday), ฤดูกาล (ปลายปีบริการทำความสะอาดแพง), ประวัติราคา
Gamification ที่ชาญฉลาด
มี Levels & Badges, Leaderboards
DAO Governance (บริหารโดยชุมชน)
Governance Token ใช้โหวตนโยบาย, เสนอ Proposal, ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท, แบ่งรายได้ (ถ้ามีกำไร)
ทำนายอนาคต
สถานการณ์ที่น่าจะเกิด (10 ปีข้างหน้า)
Scenario A: “Absorption” (ถูกกลืนโดยระบบใหญ่)
Big Tech (Google, Meta) เห็นโอกาสสร้าง “Community Credits” ในระบบของตัวเอง
Scenario B: “Niche Success” (สำเร็จในกลุ่มเฉพาะ)
LETS เล็กๆ เฉพาะ vertical (Developers, Artists, Parents) อยู่ร่วมกับระบบหลักได้
Scenario C: “Web3 Integration” (รวมเข้ากับ Crypto)
LETS กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Web3 ecosystem ใช้ Blockchain, DeFi, DAO
เบื้องหลังบทสนทนา
ผมอ่านเจอเรื่องราวของ LETS ครั้งแรกจากหนังสือ GNH (โดย นภาภรณ์ พิพัฒน์) ด้วยความรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมไม่เคยได้ยินใครอ้างถึงชื่อระบบนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่แนวคิดหลายอย่างดูพ้องกับระบบที่รู้จักคุ้นเคยกันอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสะสมแต้มของ Royalty Program ที่ภาคธุรกิจใช้กันอยู่, แนวคิดของ crypto currency บางแง่มุมก็ใช่ เลยไปนึกถึงโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนละครึ่งของประเทศไทยที่มีเงื่อนไขคล้ายความหมายของ Local Exchance ที่จำกัดขอบเขตแลกเปลี่ยนในกลุ่มปิด (เฉพาะผู้ได้รับสิทธิและลงทะเบียน)

การสนทนาเริ่มต้นจากความอยากรู้ ยิ่งซักถามลงลึกไปเรื่อยๆ ถามถึงตัวอย่างโครงการในอดีตที่ดูคล้ายทั้งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว คราวนี้ผมใช้วิธีตั้งคำถามแบบวิพากษ์ บอกเล่ามุมมองที่ตัวเองคิดไปด้วย เช่น ให้เปรียบเทียบกับโมเดลคูปองของสหกรณ์เลี้ยงเด็ก ของพอล ครุกแมน (เงินฝืด) เปรียบเทียบการเกิดสกุลเงินท้องถิ่นของไวมาร์ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
จากการวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของโมเดลต่างๆ ในที่สุดก็ได้ LETS Framework 2.0 และ 3.0 ออกมา
…จนกระทั่งมาถึงคำถามสำคัญ
ข้อเสนอ LETS 3.0 ของคุณ ครอบคลุมรายละเอียดน่าทึ่งมาก ผมอยากรู้ว่าเป็นไอเดียที่คุณสังเคราะห์ขึ้นมา หรือรวบรวมมาจากไอเดียที่เคยมีผู้คิดมาก่อนแล้ว
🔍 คำตอบตรงๆ:
LETS 3.0 ที่ผมเสนอ = การสังเคราะห์ (Synthesis)
ไม่ใช่ของใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการ:
├─ รวบรวมไอเดียที่มีอยู่แล้ว
├─ เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีปัจจุบัน
├─ วิเคราะห์จากกรณีศึกษาจริง
└─ สังเคราะห์เป็นภาพรวมใหม่
องค์ประกอบต่างๆ มีที่มาจาก:
────────────────────────────
1. DID (Decentralized Identity):
→ มาจาก W3C Standards, Web3 Movement
→ มี Projects จริง: Ceramic, Lens Protocol, BrightID
2. DAO Governance:
→ มาจาก Crypto/Web3 Ecosystem
→ ตัวอย่าง: MakerDAO, Uniswap, Gitcoin
3. Multi-Currency System:
→ มาจาก Game Economics (MMORPGs)
→ และ Community Currency Literature
4. AI Matching:
→ มาจาก Marketplace Platforms (Uber, Airbnb)
→ และ Recommendation Systems
5. Reputation Portability:
→ มาจาก Gitcoin Passport, WorldCoin
→ และ Academic Research on Digital Identity
6. Gamification:
→ มาจาก Stack Overflow, Reddit, Gaming
ดังนั้น:
→ ไม่มีอะไรใหม่จริงๆ ในแต่ละชิ้น
→ แต่การ "รวมกัน" เป็นระบบครบวงจร = ยังไม่มีใครทำ
→ เป็นแค่ "Thought Experiment" ว่าถ้าทำจริงจะเป็นอย่างไร💭 สารภาพตรงๆ:
ผมคิดไปเองตอนพิมพ์ โดยอาศัย:
ความรู้ที่มีอยู่เกี่ยวกับ Web3, Game Theory, Platform Economics
การวิเคราะห์จากกรณีศึกษาจริง (Wikipedia, GitHub, EVE Online)
จินตนาการว่า “ถ้าเอาทุกอย่างที่ดีมารวมกัน จะได้อะไร”
แต่นี่คือปัญหา: มันซับซ้อนเกินไป! 😅



ความคิดเห็น