top of page
ค้นหา

Economical Theme Selections

  • รูปภาพนักเขียน: Sathit Jittanupat
    Sathit Jittanupat
  • 13 เม.ย.
  • ยาว 1 นาที
ree

ทุกวันตอนเช้า เฟลด์แมนเอาเบเกิ้ลพร้อมตะกร้าใส่เงินไปวางตามห้องกาแฟของบริษัทต่างๆ รอบกรุงวอชิงตัน จากนั้นเขาจะกลับมาอีกครั้งตอนเที่ยง เก็บเบเกิ้ลที่เหลือพร้อมเงินในตะกร้า


เขาบันทึกข้อมูลจำนวนเงินที่เก็บได้เทียบกับเบเกิ้ลที่หายไป


ในหนังสือ เศรษฐพิลึก Freakonomics (สนพ.วีเลิร์น) เล่าเรื่องการหารายได้เลี้ยงชีพ พร้อมกับออกแบบการทดลองพิลึกของชายผู้นี้ ที่ใช้เวลาหลายปีจนได้ข้อสรุปเรื่องศีลธรรมกับเศรษฐศาสตร์


เขาเชื่อว่าขวัญและกำลังใจในการทำงานเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงานที่ชอบหัวหน้าและงานที่ทำจะมีความซื่อสัตย์มากกว่า
นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่าพนักงานระดับบนจะโกงมากกว่าพนักงานระดับล่าง  เขาเริ่มคิดเช่นนี้หลังจากที่ได้ส่งเบเกิ้ลให้บริษัทแห่งหนึ่งเป็นเวลาหลายปี บริษัทแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นบนสุดเป็นที่ทำงานของผู้บริหาร ชั้นรองลงมาเป็นฝ่ายขาย และชั้นล่างสุดเป็นพนักงานธุรการ
ผู้คนมากมายขโมยกินเบเกิ้ลของเขาโดยไม่จ่ายเงิน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น แม้ว่าจะไม่มีใครคอยเฝ้าดูพวกเขาเลยก็ตาม


ผมยังจำได้ว่า การออกแบบซูเปอร์มาร์เก็ตสมัยก่อน ทางเข้าด้านหน้าจะมีส่วนบริการรับฝากถุงหรือกระเป๋า สะท้อนทัศนะไม่ไว้ใจกลัวลูกค้าจะขโมยของ ซึ่งแตกต่างจากทุกวันนี้ ไม่ต้องฝากกระเป๋าแล้ว แสดงว่าในที่สุดผู้ประกอบการได้ค้นพบความจริงว่าคนส่วนใหญ่ไม่ใช่ขโมย เปลี่ยนความเสี่ยงที่ไม่แน่นอนให้เป็นค่าเบี้ยประกันอัตราคงที่เทียบเท่าความเสียหายที่รับได้


ไม่ต้องตั้งแผนกรับฝากกระเป๋าที่ยุ่งยาก เผลอๆ จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามูลค่าความเสียหายจากขโมยเสียอีก



ปี 2023 ผมเคยเล่าเรื่องการปรับปรุงโปรแกรมให้ผู้ใช้เลือกเปลี่ยน theme ของโปรแกรมได้ 


เดิมทีข้อมูล logs ใช้ติดตามปัญหาการใช้งานโปรแกรม โดยเฉพาะจุดที่เปราะบางที่สุดคือการติดต่อกับ database โดยจะบันทึกข้อมูลแวดล้อมที่จำเป็นเมื่อเกิด long query รวมไปถึง error query
ทำให้สามารถวิเคราะห์ว่าปัญหาเกิดขึ้นที่ขั้นตอนการทำงานไหน ผู้ใช้เรียกรายงานอะไร ช่วยให้ประเมินสาเหตุและเลือกวิธีแก้ไขได้อย่างเหมาะสม
เป็นไปได้ทั้งกรณีที่รายงานอาจออกแบบยังไม่ดีพอ ใช้ query ไม่มีประสิทธิภาพ หรือเป็นที่ยังไม่ได้ optimize index ของ database หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมผู้ใช้เลือกคำค้นที่ไม่รัดกุม
และผลพลอยได้ทำให้รู้ว่า ขณะนั้นผู้ใช้กำลังใช้ theme อะไร

เวลาผ่านไปสองปี โดยไม่ตั้งใจ บังเอิญว่า ระบบ logs ของโปรแกรมเก็บสถิติการเลือก theme มาตลอด เมื่อได้รู้เรื่องเล่าการทดลองเบเกิ้ล ทำให้ผมได้ข้อสังเกตในเชิงเศรษฐศาสตร์ของชาวออฟฟิศบางส่วน จากการเลือก theme


ree

ดูสถิติของวันนี้ ภาพใหญ่จากจำนวน site ที่ใช้งานทั้งหมด ซึ่งแต่ละ site มีจำนวนผู้ใช้แตกต่างกันไปตั้งแต่ 1–2 คน ไปจนถึงเกือบ 100 คน


มีจำนวน site ที่เลือกใช้ theme อยู่ประมาณ 50% จากทั้งหมด มีเพียงครึ่งเดียวของ site เหล่านี้ที่เปิดให้เลือก(หรือไม่เลือก)แบบอิสระ อีกครึ่งหนึ่งเป็นการตั้งค่าบังคับให้ทุกคนใช้ theme เดียวกัน


ตัวเลือก theme ที่น่าสนใจคือ "none" แทนความต้องการให้โปรแกรมกลับไปเหมือนเดิม เป็นความคุ้นชินโดยเฉพาะผู้ที่เคยใช้โปรแกรมมานานหลายปี ส่วน theme ที่มีผู้ใช้บางรายเลือกแล้วไม่เปลี่ยนคือ "dark" และ "ghibli"


ผลจากสถิติ "ไม่เลือก" (ใช้ theme default ตามโปรแกรม), "เลือกอิสระ" และ "บังคับเลือก" สะท้อนถึงลักษณะบางอย่างขององค์กร


  • "ไม่เลือก" หมายถึง โอนอ่อน ปรับตัวง่าย ยอมรับอะไรก็ได้ ถ้าตีความในทางที่แย่คืออาจไม่ใส่ใจความเปลี่ยนแปลง(ของโปรแกรม ที่สีสันไม่เหมือนเดิม)


  • "เลือกอิสระ" หมายถึง กระตือรือล้น (สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง) กล้าเรียนรู้ (ทดลองเลือกเปลี่ยน) ขณะเดียวกันก็ยอมรับความแตกต่าง


  • "บังคับเลือก" หมายถึง การมีผู้นำหรือคนส่วนน้อยที่เสียงดังกว่า (สังเกตว่ามักเป็น conservative ที่เลือก "none") และเป็นไปได้ว่าลงตัวพอดีกับคนส่วนใหญ่ที่พร้อมจะโอนอ่อนยังไงก็ได้


ree

เมื่อพิจารณาระดับผู้ใช้รายตัว ก็สะท้อนตัวเลขออกมาในทางเดียวกัน โดยเฉพาะใน site อันดับหนึ่งที่มีผู้ใช้ประมาณ 80 ราย ซึ่งให้เลือกอิสระ ปรากฏว่าในกลุ่มผู้เลือกเหล่านั้นมักเลือก "none" ขอใช้โปรแกรมหน้าตาเดิม มีเพียงส่วนน้อยที่เลือก theme อื่น


อาจสะท้อนได้ว่า คนที่ส่งเสียงมักเป็นอนุรักษ์นิยม บอกว่าไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ขณะที่คนส่วนใหญ่ที่ยอมรับได้ทั้งเปลี่ยนและไม่เปลี่ยน มักไม่ส่งเสียง


และที่หายากกว่า คือ หัวก้าวหน้า ที่กล้าแตกต่าง ซึ่งอาจตีความสะท้อนไปถึงอะไรบางอย่างในองค์กร ทั้งนี้อาจยกเว้นผู้ที่เลือก "dark" อาจเป็นเพราะสังขารสายตามองจอสีสว่างเกินไปไม่ได้


ข้อมูลน่าสนใจอีกอย่างคือ site อันดับสองและสาม ที่มีจำนวนผู้ใช้พอๆ กัน และบังคับเลือกเป็น "none" เหมือนกัน แต่ใน site อันดับสอง กลับมีผู้ใช้บางรายเลือกเปลี่ยนเป็น theme อื่น จะตีความเรื่องนี้ว่าอย่างไร


ข้อสังเกตที่น่าจะเป็นไปได้ อยู่ที่โครงสร้างองค์กรที่แตกต่างกัน องค์กรหนึ่งผู้ใช้ทำหน้าที่หลายอย่าง เรียกว่า cross function ตั้งแต่ขายไปจนจัดหาสินค้าด้วยตัวเอง ขณะที่อีกแห่งหนึ่งแบ่งขอบเขตหน้าที่ชัดเจน


ree

ข้อสังเกตอื่น ที่น่าพิจารณาคือ ธรรมชาติงานของผู้ใช้โปรแกรมส่วนใหญ่มักเป็นงาน back office ซึ่งเป็นงานประจำซ้ำๆ จึงโน้มเอียงไปทางต้องการความแน่นอน ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว


อาวุโสก็มีผล คนที่อยู่นานกว่า มักกล้าแสดงความเห็นมากกว่า และมักยอมรับการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า


อะไรที่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือกระทบต่อความอยู่ดีมีสุขของตน ธรรมชาติคนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะไม่แสดงออก


ในองค์กรใหญ่ เสียงดังอาจมีมากกว่าหนึ่งเดียวหรือมีความหลากหลายที่ถ่วงดุลกันเอง ไม่สามารถบังคับเลือกเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในองค์กรกลางอิทธิพลจากเสียงส่วนน้อยมีโอกาสเป็นเอกฉันท์มากกว่า ส่วนองค์กรเล็กก็จะมีจำนวนน้อยจนแปรปรวนง่ายไม่สามารถวิเคราะห์


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอคติส่วนตัว จากความรู้สึกที่เฝ้าดูตัวเลขทุกวันมานาน ประกอบความรู้จักตัวตนขององค์กรเหล่านั้นมาพอสมควร


เศรษฐศาสตร์กระแสหลักที่ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ตามทฤษฎีไม่เคยมีอยู่จริง อีกตัวแปรหนึ่งที่ผมเพิ่งสังเกตเกี่ยวกับ site ใหม่ แน่นอนว่าไม่มีใครเคยเห็นโปรแกรมรุ่นที่ไม่มี theme แต่กลับบังคับตั้งค่า theme เป็น "none" ตั้งแต่ต้น 


อาจไม่ได้เกิดจากความต้องการจริงของผู้ใช้ แต่เกิดจากอำนาจเหนือ จากผู้วางระบบที่ตั้งค่าให้ ด้วยเหตุผลบางประการ 


กลายเป็นตัวแปรที่ตีความได้ซับซ้อน เมื่อนึกถึงว่าคนรุ่นที่เติบโตมากับโทรศัพท์มือถือ ย่อมไม่มีภาพโลกที่ไม่มีมือถือในใจให้เปรียบเทียบ ปฏิกิริยาย่อมแตกต่างกันด้วย

 
 
 

ความคิดเห็น


Post: Blog2_Post
  • Facebook

©2020 by Scraft On Cloud. Proudly created with Wix.com

bottom of page